แม้แต่คนที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว ก็ยังมีคำศัพท์อีกมากมายที่ยังไม่รู้ ซึ่งบางทีเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ ยังไม่เคยเห็นคำๆ นี้ มาก่อนก็มี (เอาตัวอย่างง่ายๆ ภาษาไทยเราก็ได้ครับ คำว่า "มะงุมมะงาหรา" ซึ่งแปลว่า ท่องเที่ยวไปโดยไม่รู้จุดหมาย เคยได้ยินกันมั้ยครับ มีคำนี้จริงๆ นะ ไม่ได้โม้)
ดังนั้น การเรียนภาษาอังกฤษ จึงต้องมี Dictionary ดีๆ ติดตัวไว้ (ดุจดั่งสามีที่มีคุณภรรยาตามติดไม่ห่าง)
แล้วเจ้า ดิก (ขอเรียกสั้นๆ นะครับ) ดีๆ มันเป็นยังไงล่ะ? ผมจะเผยเคล็ดลับให้ฟังครับ
ดิก เอ๋ย ดิก ดีต้องมีคุณสมบัติ 5 อย่างด้วยกัน
1. ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษ-อังกฤษ (English-English dictionary)
การใช้ดิกที่เป็นภาษาอังกฤษล้วน มีประโยชน์มากมายกว่าดิกที่เป็นภาษาอังกฤษ-ไทย ทั้งความครบถ้วน สมบูรณ์ และเป็นการฝึกให้คุ้นเคยโดยการคิดเป็นภาษาอังกฤษด้วย
2. ต้องบอกวิธีอ่านออกเสียงคำศัพท์ (Pronunciations)
อย่างที่เคยกล่าวไว้ว่า การรู้ว่าคำศัพท์นั้นๆ เจ้าของภาษาเค้าออกเสียงอย่างไร สำคัญมากๆ จึงจำเป็นต้องมีดิกที่บอกกล่าวถึงวิธีอ่านออกเสียงโฟเนติก (Phonetic Transcription) หรือ ออกเสียงให้เราฟังเลยยิ่งดีใหญ่ครับ
3. ต้องมีตัวอย่างการใช้งานเป็นประโยคให้เราดู (Example sentences)
เมื่อเรารู้ความหมายของคำศัพท์แล้ว เราก็ต้องรู้ว่ามันเอาไปใช้อย่างไร โดยที่จะต้องมีตัวอย่างการใช้งานเป็นประโยคด้วย เพื่อเราจะได้จดจำว่าเอาไปใช้ในสถานการณ์ไหน เหตุการณ์อะไร
4. ต้องสามารถค้นหาคำได้อย่างรวดเร็ว นั่นคือเป็นซอฟท์แวร์นั่นเองครับ (Software Dictionary)
5. ต้องฟรี
ข้อนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก ถ้าไม่ฟรี ถือว่าเป็น ดิกไม่ดี ฮ่าๆ
แอ่น...แอ๊น.... และ Dictionary มีคุณสมบัติทั้ง 5 ข้อนี้ ก็คือ Online Dictionary ครับ
โดยผมขอแนะนำสัก 2-3 เจ้า Oxford Dictionary , Longman Dictionary , Cambridge Dictionary
ส่วนการใช้งานนั้นไม่ยากเลย ขอให้เพื่อนๆ ลองเล่นกันดู และใช้ให้บ่อยๆ ครับ แล้วการเรียนภาษาอังกฤษของเพื่อนๆ จะสนุก ไม่น่าเบื่อครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น