วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2557

ทักทายแนะนำตัว

"โอ๊ย !!!  เรียนภาษาอังกฤษมา 5 ปี 10 ปี แล้วทำไมชั้นยังพูดไม่ได้ ฟังไม่ออก อ่านไม่รู้เรื่อง เขียนออกมาแล้วงง (อย่าว่าแต่ฝรั่งงง ตัวเองยังงง ว่าเขียนอะไรออกมา)  ท้อแท้เหลือเกิน"

"คำศัพท์ก็เยอะแยะ แกรมม่าก็หยุมหยิมจุกจิก  โดยเฉพาะเจ้าพวก Tense เทิ้นอะไรเนี่ย มันใช้ยังไง ใช้เมื่อไหร่  จะเข้าบ้านพักคนชราอยู่แล้วยังใช้ไม่เป็นเลย หงั่กๆ  ชาติหน้าขอไปเกิดเป็นฝรั่งเลยดีมั้ย !!"

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ขอต้อนรับสู่  Learn English Secret Blog

เชื่อว่าหลายๆคน คงจะเคยระเบิดความอัดอั้นตันใจเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษ อย่างที่บ่นๆ ไว้ข้างบนนะครับ  (ผมเองก็เหมือนกัน)

     ปัญหาที่พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน ได้ประสบพบเจอในการเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ผมสีดำจนกระทั่งผมเป็นสีขาวนั้น เหมือนกันทุกคนครับ คือ การเรียนภาษาอังกฤษแบบคณิตศาสตร์  ไม่ใช่เรียนภาษาตามธรรมชาติ (เคยอายเหมือนผมมั้ยครับ เวลาที่เห็นเด็กฝรั่ง ไม่กี่ขวบ พูดอังกฤษปร๋อเลย  หรือเด็กไทยบางคน อย่างน้องณัชชา ที่พูดได้ทั้ง ไทย อังกฤษ จีน)

    อ้าว แล้วเรียนภาษาอังกฤษแบบคณิตศาสตร์ มันเป็นยังไงเหรอ?

อย่างนี้ไงครับ

คณิตศาสตร์ ก็คือการท่องจำสูตร, แทนค่า, คำนวน และได้ผลลัพธ์ เช่น
โจทย์ : จงหาพื้นที่สามเหลี่ยมทั่วไป
ใช้สูตร : สามเหลี่ยมทั่วไป = ½ x ฐาน x สูง
แทนค่า :  ½ x 12 x 23
ผลลัพธ์ :  138 ตร. ซม.

และภาษาอังกฤษที่เราเรียนๆกันมาในโรงเรียน คือ

โจทย์ :  กินข้าวยัง? (สมมติมีฝรั่งมาถาม และอยากเลี้ยงข้าวเรา เพราะเราน่ารัก)
เราต้องการตอบว่า ชั้นเพิ่งจะกินมา (เผอิญฝรั่งไม่หล่อ เลยเชิ่ดใส่ หยิ่งๆ)

เอ? กินแล้ว ต้องใช้ tense อะไรหว่า? อ๋อ Present Perfect Tense อืม สูตรมันคือ

Present Perfect  = Subject + Verb to have (have/has) + Verb ช่อง 3

แทนค่าเลย  อืม ประธานหรือ  Subject  ต้องเป็น I (เพราะชั้นคนเดียว)    

Verb to have  อืม  มี Has กับ Have ใช้ไรดีหว่า อ๋อ จำได้แระ Subject = I ฉะนั้นต้องเป็น have

สุดท้าย Verb ช่อง 3  ของคำว่า “กิน” อืม  eat, ate, eaten  อ๋อ eaten

เอาละแทนค่าได้แล้ว  I + have + eaten
(ขั้นตอนนี้ กินเวลากว่า 5 นาที ปรากฏว่า ฝรั่งไปแล้วครับ รอไม่ไหว ยินดีด้วยครับ :))


นี่แหละครับ ปัญหาที่เราเจอ ฉะนั้น เราต้องเรียนภาษาอังกฤษแบบธรรมชาติ ตามแนวทางที่ถูกต้องเหมือนอย่างที่เราสามารถพูด ฟัง อ่าน เขียน ภาษาไทยของเราได้


นี่คือที่มาของการก่อกำเนิด Blog นี้ครับ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น